
smartfinn
Matching Platform
ขายฝากอสังหาฯกับนักลงทุน
ธปท.ชี้ เงินเฟ้อไทยพุ่ง ย้ำไม่เข้าสู่ Stagflation

ธปท. โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาส 2 ปี 65 - ไตรมาส 1 ปี 66) จะอยู่ที่ 4.1% โดยมีปัจจัยจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทาน (cost-push shocks) เป็นสำคัญ ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยช่วยหนุนภาคเศรษฐกิจ
แรงกดดันเงินเฟ้อส่วนใหญ่มาจาก
- ปัจจัยด้านอุปทานจากต่างประเทศ จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาพลังงาน และราคาโภคภัณฑ์ทั่วโลกปรับสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ก๊าซหุงต้ม และค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตาม
- ปัจจัยด้านอุปทานในประเทศ จากโรคระบาดในสุกร ราคาอาหารสดหมวดอื่นๆ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาอาหารสัตว์ และปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
อย่างไรก็ดี แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังไม่เข้มแข็งนัก จากเศรษฐกิจที่กำลังทยอยฟื้นตัว และยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังเปราะบาง และหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ กนง.ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.0% จากราคาอาหารสำเร็จรูปที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นหลัก
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มสูงกว่า 5% ในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงหลังของปี 2565 และกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงต้นปี 66 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ มาจากผลของฐานของราคาน้ำมันที่ต่ำลงและมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของภาครัฐในปี 64 โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยลดลงในไตรมาส 4 ของปีนี้
นอกจากนี้ ราคาพลังงานและอาหารที่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามอุปทานน้ำมันของกลุ่มโอเปคและสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่จะบรรเทาลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงต้นปี 66
ในส่วนการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม กนง. เห็นว่าภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับการดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงินนั้น กนง.ยังให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนการจ้างงาน และรายได้ของภาคธุรกิจ และประชาชนให้ขยายตัวได้อย่างเข้มแข็ง สามารถรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ ขณะที่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากปัจจัยด้านอุปทานในระยะสั้นที่ผันผวนสูงเป็นสำคัญ ดังนั้น นโยบายการเงินที่ต้องใช้ระยะเวลาในการส่งผ่านอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป อาจจำเป็นต้องมองผ่านความผันผวนในระยะสั้น และให้ความสำคัญกับนโยบายการเงิน ที่มุ่งจะรักษาแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย
ในระยะต่อไป กนง.เห็นว่ามาตรการภาครัฐ และการประสานนโยบายมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะมาตรการการคลังที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างตรงจุด ขณะที่นโยบายการเงินยังผ่อนคลายต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนภาวะการเงินโดยรวม นอกจากนี้ มาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่มีส่วนช่วยกระจายสภาพคล่อง และช่วยลดภาระหนี้ โดยคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพด้านราคาและเสถียรภาพระบบการเงิน
สมาร์ทฟินน์ แหล่งเงินทุนในระบบ ช่วยลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากภาครัฐและสถาบันการเงินที่มีส่วนช่วยกระจายสภาพคล่องและช่วยลดภาระหนี้แล้ว “สมาร์ทฟินน์” ผู้ให้บริการขายฝากอสังหาริมทรัพย์ เป็นแหล่งเงินทุนในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสริมสภาพคล่อง จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเพียง 0.75% ต่อเดือน โดยไม่ต้องมีการพิจารณาการเดินหน้าบัญชีธนาคาร หรือเครดิตบูโร สามารถยื่นเรื่องได้ทุกเพศทุกวัย เพียงมีโฉนดที่ดินเท่านั้น พร้อมขั้นตอนดำเนินการที่รวดเร็วและสามารถรับเงินได้ไวกว่าการทำธุรกรรมจากภาครัฐและสถาบันการเงินอื่นๆ ตลอดจนมีเจ้าหน้าที่คอยบริการดูแลตลอดอายุสัญญา
ไทยไม่เข้าสู่ภาวะ Stagflation
ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยไม่อยู่ในภาวะ Stagflation เนื่องจากถึงแม้จะมีเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น แต่เป็นในลักษณะชั่วคราวไม่ต่อเนื่องระยะยาว และเศรษฐกิจปีนี้ สามารถขยายตัว 3.2% และแนวโน้ม 4.4% ในปีหน้า จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะที่การระบาดของ Omicron และผลจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะไม่กระทบแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงต้นปี 2566
ดังนั้น เศรษฐกิจไทยจึงไม่เข้าข่ายภาวะ stagflation ซึ่งหมายถึงภาวะที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำมากหรือหดตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
มั่นใจไม่กระทบเงินไหลออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีนี้ 5-6% สู่ระดับเกิน 2% มีผลทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและต่างประเทศห่างขึ้น ซึ่งคาดว่าส่วนต่างดอกเบี้ยจะไม่สร้างแรงกดดันทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมากนัก เพราะนักลงทุนมักให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจ มากกว่าส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย และจากการที่เรามีทุนสำรองสูง แต่มีหนี้ในต่างประเทศต่ำ
แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาครัฐปีนี้ลดลง
ด้านแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาครัฐในปีนี้เชื่อว่าจะทยอยลดลง หากเทียบกับ 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคล้ายกับต่างประเทศที่ทยอยลดการกระตุ้นเศรษฐกิจลงในปีนี้ แต่ภาครัฐยังทำหน้าที่ในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ด้วยการออกมาตรการภาครัฐเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย
จะเห็นได้ว่าจากผลกระทบเงินเฟ้อหลายๆปัจจัย ส่งผลให้ธุรกิจและผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของการเสริมสภาพคล่องธุรกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการหาแหล่งเงินทุน หรือการลดอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ ทั้งนี้ หากท่านสนใจสามารถขอรับคำปรึกษา จากทีมเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสมาร์ทฟินน์ได้
ข้อมูลอ้างอิง ธนาคารแห่งประเทศไทย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ลงทุนอะไรดี ในช่วงตลาดผันผวน
- 10 มาตรการลดค่าครองชีพจากมติครม.
- สายเทรดเฮต่อ! คลังเลื่อนแผน เก็บภาษีขายหุ้น
- แก๊งคริปโต เฮลั่น! ครม.ไฟเขียว เว้นเก็บ VAT และภาษีเงินได้ สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
SMARTFINN
ให้บริการ ดอกเบี้ยต่ำ เพียง 0.75% ต่อเดือน
มีทีมผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษาการขายฝาก
บริษัทปิดดีลมาแล้วมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท และ matching นักลงทุนซื้อฝากใจดี ในระบบทั่วประเทศ
เพื่อให้ผู้ขายฝากได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดภัย มีมาตรฐานฯ
อนุมัติไว ให้วงเงินสูง ไม่ดู Statement ไม่เช็คเครดิตบูโร
สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.smartfinn.co.th
บริการให้คำปรึกษา ฟรี
โทรศัพท์ 02-937-2289 , 094-445-7975 , 089-664-5359
LINE ID: @smartfinn

Smartfinn Team Matching Platform การขายฝากอสังหาฯ กับนักลงทุน เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุน และช่วย SMEs ให้มีสภาพคล่อง
บริษัท สมาร์ทฟินน์ โซลูชั่นส์ จำกัด
555 อาคารรสา อาคาร 2 ชั้น 25 ถนนพหลโยธิน
แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
• • • • • •